26 ธ.ค. 2550

ไม่เสร็จศึกอย่าเพิ่งนับศพขุนพล

ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้ถูกประกาศออกมาแล้ว โดยพรรคพลังประชาชนเข้าใกล้เส้นชัยมากขึ้น ด้วยจำนวน สส. อย่างไม่เป็นทางการ 233 คน ขาดอีกเพียง 7 คนก็สามารถที่จะตั้งรัฐบาลได้ จึงได้มีความพยายามปล่อยข่าวสามารถรวมกับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชชิมาธิปไตย และพรรคประชาราช รวมมี สส. อย่างไม่เป็นทางการ 254 คน ซึ่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพื่อชักจูงให้พรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมด้วย

แต่งานนี้ไม่มีใครออกมายอมรับกับพรรคพลังประชาชนด้วย เพราะการจับขั้วจะเกิดขึ้นจริงหลังวันที่ 4 มกราคมเมื่อทราบผลการให้ใบเหลืองและใบแดงจาก กกต. เพราะคาดว่าจะมีใบเหลืองใบแดงรวมกันไม่ต่ำกว่า 30 ใบ ซึ่งส่งผลโดยตรงกับจำนวน สส. ความได้เปรียบอาจจะกับมาอยู่ฝากประชาธิปปัตย์ก็ได้ เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครผลีพลามไปอยู่ข้างพรรคพลังประชาชนในตอนนี้

และที่สำคัญที่สุด หากพรรคพลังประชาชนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาธิปปัตย์จะมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะแม้ว่าจำนวน สส. จะน้อยกว่าพรรคพลังประชาชนกว่า 60 ที่นั่ง แต่หากลองมองคะแนน สส. แบบสัดส่วนจะพบว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนมากกว่า ซึ่งเท่ากับว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี

ศึกครั้งนี้ยังต้องสู้กันอีกยาวพอสมควร อย่าเพิ่งคิดว่าฝ่ายไหนจะชนะ ขอให้รอดูอย่างใจเย็น

24 ธ.ค. 2550

การเลือกตั้ง ส่งสัญญาณอะไร?

ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ (ส.ส.) อย่างไม่เป็นทางการปรากฎว่า พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับ 1 น่าจะมี สส. จำนวน 224 คน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับ 2 น่าจะมี สส. จำนวน 166 คน ขณะที่ พรรคชาติไทย 42 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 25 คน รวมใจไทยชาติพัฒนา 11 คน มัชฌิมาธิปไตย 7 คน และประชาราช 5 คน

หากวิเคราะห์กันตามตัวเลขจำนวน สส. พรรคพลังประชาชนย่อมมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หากวิเคราะห์ให้ลึกเป็นรายภาคจะพบว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชนภาคอีสานและภาคเหนือเป็นหลัก แต่กลับแพ้อย่างราบคาบในภาคใต้ (ซึ่งไม่น่าแปลกใจ)และกรุงเทพ ส่วนภาคกลางได้รับเสียงมาใกล้เคียงกัน ซึ่งปรากฎการดังกล่าว แสดงให้เห็นการแยกขั้วชัดเจนของประเทศ แสดงว่า 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการสร้างความสมานฉันของคนในประเทศ แสดงว่า พตท. ทักษิณ ยังคงเป็นขวัญใจของชาวอีสานเช่นเดิม เพราะกระแสพรรคสามารถเขี่ยนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินให้สอบตกได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า พตท. ทักษิณ คือขวัญใจตัวจริงของชาวอีสาน แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้ สส. ในภาคอีสานมากกว่านี้ เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งเพราะมี สส. ในภาคอีสานน้อยเกินไป และสมควรอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนหัวหน้าทีมภาคอีสาน หรือหากกล้ารับสส. จากพรรคขนาดเล็กในเขตภาคอีกสานมาบ้าง จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์แข็งแกร่งมากกว่านี้

อย่างไรก็ดีแม้ว่าพรรคพลังประชาชนจะชนะอย่างขาดลอย แต่ใช่ว่าพรรคพลังประชาชนจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างง่ายดาย เพราะมีอีกหลายปัจจัย ซึ่งต้องติอตามในบทความชิ้นต่อไป ... ไม่เสร็จศึกอย่างเพิ่งนับศพขุนพล