วันนี้เป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลายคน เพราะในสถานการณ์ปรกติธนาคารกลางสหรัฐมักจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ดังนั้นการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ค่อนข้างจะช็อคตลาดการเงินโลก
การลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจอเมริกา ให้มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนทางการเงินสำหรับการลงทุนหรือ "ดอกเบี้ย" ลดลง ดังนั้น จึงเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนมากขึ้น เศรษฐกิจจึงขยายตัว เมื่อเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกขยายตัว ย่อมส่งผลทางอ้อมถึงเศรษฐกิจของโลกอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาทิ ราคาน้ำมันจะพุ่งทะยานขึ้น เนื่องจากสหรัฐเป็นตลาดนำเข้าน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวทำให้มีความต้องการมากขึ้น จะผลักดันให้ราคาน้ำมันทั่วโลกสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกลับมาถึงประเทศไทยด้วย เพราะฉะนั้นให้รีบเติมน้ำมันให้เต็มถังครับ เพราะอีกไม่นานราคาน้ำมันในบ้านเราต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ
การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐ ยังส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศด้วย การที่อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนหรือ "อัตราดอกเบี้ย" ในอเมริกาลดลง ทำให้นักลงทุนจะโยกเงินทุนที่ลงทุนอยู่ในสหรัฐออกมาลงทุนยังต่างประเทศ เราจึงเห็นตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา นอกจากนั้นการที่เงินทุนไหลออกจากประเทศสหรัฐจำนวนมากจะส่งผลให้ค่าเงิน US$ ปรับค่าลดลง หรือมองในมุมคนไทยก็คือค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นนั้นเอง และถ้ายังจำกันในบทความก่อนหน้านี้ได้ เราจะเห็นโทษของค่าเงินบาทว่าสามารถทำให้ธุรกิจปิดตัวได้อย่างไร
มีคือผลเบื้องต้นในระยะสั้น แต่ยังมีผลในระยะกลาง พรุ่งนี้เรามาวิเคราะห์เรื่องนี้กันต่อครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น