4 ก.พ. 2551

"การส่องกระจก" พื้นฐานการพัฒนาตนเอง

ธรรมชาติมอบดวงตาให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ก็จริง แต่ภาพที่เราเห็นส่วนใหญ่เป็นภาพของสิ่งรอบตัวภายนอก เป็นภาพที่เรามองออกจากตัวเรา หากเราจะมองภาพของตัวเราเองนั้น ก็จะพบกับความยากลำบาก เพราะเราจะมองเห็นเพียงภาพแต่เป็นส่วนๆ เท่านั้น

น่าเสียดายที่ธรรมชาติไม่ได้ให้เราสามารถมองเห็นภาพทั้งหมดของตัวเราเองได้ การใช้กระจกช่วยในการสะท้อนภาพของตัวเราเองจึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การส่องกระจกเพื่อสะท้อนภาพช่วยให้เราเห็นภาพความเป็นจริงของตัวเรา ภาพเกี่ยวกับตัวเราที่ส่วนใหญ่เราอาจไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น เพราะเรามักจะมองออกจากตัวเราไปข้างนอกเสมอ

การส่องกระจกนี้นับเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของการพัฒนาตนเอง เพราะก่อนที่เราจะเริ่มต้นการพัฒนา จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้จักตัวเองเสียก่อน เพื่อทราบสภาพความเป็นจริง ว่าขณะนี้โดยภาพรวมเราเป็นอย่างไร หลังจากนั้นจึงกำหนดสภาพที่ต้องการในอนาคต แล้วทำการเปรียบเทียบหาช่องว่างของความแตกต่างระหว่างสภาพในปัจจุบันและสภาพในอนาคตที่ต้องการ เพื่อจะได้ทราบถึงพื้นที่ของการพัฒนา ว่ามีอะไรบ้างที่ยังขาดอยู่ อะไรบ้างที่ต้องพัฒนา

ประกอบกับโดยธรรมชาติของคนแล้วเป็นการยากที่เราจะเห็นข้อบกพร่องของตนเอง เพราะเรามักจะคิดเข้าข้างตนเองเสมอ ทำให้เรามองไม่ค่อยเห็นข้อบกพร่องที่แท้จริง จึงจำเป็นที่เราจะต้องอาศัยภาพสะท้อนที่ได้จากคนอื่น หรือก็คือการส่องกระจกนั่นเอง

จะเกิดอะไรขึ้นหากเราไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็นภาพสะท้อนของตัวเราเอง

เราอาจคิดไปเองว่าเรามีความรอบรู้ มีความสามารถ มีบุคลิกลัษณะที่โดดเด่นน่าชื่นชม โดยทั้งหมดนี้เราใช้ความรู้สึกของตัวเราเองตัดสิน เป็นไปได้เหมือนกันที่ในสายตาคนรอบข้างอาจจะเป็นจริงอย่างที่เราคิด แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากที่ในสายตาคนรอบข้างเราจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เราก็คงหลงอยู่ในภาพสะท้อนที่เราคิดเราสร้างขึ้น ภาพแล้วภาพเล่า ไม่มีโอกาสได้เห็นภาพที่แท้จริงเสียที น่าเสียดายเหลือเกิน เพราะเรากำลังขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง

การพัฒนาตนเองที่ดีเริ่มต้นจากการที่เราสำรวจความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองด้วยการส่องกระจก เพื่อเราจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับตัวเรา ภาพที่สะท้อนถึงจุดแข็งจุดบกพร่องในด้านต่างๆ จุดแข็งที่เราจะได้รักษาไว้และพัฒนาให้ดีขึ้น และจุดบกพร่องที่เราจะได้แก้ไขปรับปรุง

หลายครั้งที่เราอาจไม่คุ้นเคยกับการส่องกระจก จึงทำใจลำบากที่จะรับรู้ภาพสะท้อนที่อาจจะเป็นภาพที่ไม่พึงประสงค์ เป็นภาพที่เราอาจไม่คาดคิดมาก่อน สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเราจะต้องเห็นความสำคัญของการส่องกระจกเสียก่อน เราจึงจะเปิดใจยอมรับภาพสะท้อนของความเป็นจริง

คนบางคนไม่เปิดใจ ไม่เคยคิดว่าตนเองทำอะไรบกพร่อง ทุกอย่างที่ทำสมบูรณ์แบบ เปอร์เฟ็กต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากใครชี้ข้อบกพร่อง สะท้อนภาพความจริง ก็รับไม่ได้ คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่เชื่อ ในทางตรงข้ามหากใครชื่นชม สะท้อนภาพสวยงาม ถึงแม้จะเป็นภาพที่ถูกบิดเบือนไปบ้าง แต่ก็คิดว่าเป็นไปได้ เชื่อถือได้

"พี่คะ น้องว่าวิธีแก้ไขปัญหาที่พี่เสนอมาเมื่อสักครู่นี้ก็ดีอยู่ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีน่าจะนำความคิดเห็นของคนที่ทำงานอยู่ที่หน้างานจริงๆ มาร่วมพิจารณาด้วยนะคะ"

"เดี๋ยวนะน้อง น้องคิดว่าน้องเป็นใครเหรอ พี่ว่าน้องไม่อยู่ในฐานะที่จะมาแนะนำพี่นะ น้องไม่มีประสบการณ์ น้องไม่รู้เรื่องหรอก เป็นเด็กก็ควรอยู่ส่วนเด็ก อีกอย่าง วิธีการแก้ปัญหาที่น้องใช้อยู่น่ะ ก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเลยนะ เห็นมีปัญหาตามมาตั้งมากมาย แล้วน้องจะมาแนะนำคนอื่นอีกเหรอ ตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลยนะ"

เอาเข้าไป นอกจากจะปิดใจไม่รับภาพสะท้อนนี้แล้ว ยังเปิดฉากโจมตีเรื่องคุณภาพของกระจกซะเลย นึกว่าตัวเองดีนักรึไง หรือคนบางคนไม่เคยส่องกระจกเพื่อสำรวจตัวเอง วันๆ เอาแต่ทำตัวเองเป็นกระจก คอยสะท้อนภาพคนอื่นอยู่ตลอด คนโน้นไม่ดีอย่างนี้ คนนี้ไม่ดีอย่างนั้น มองแต่คนอื่น จนลืมมองตัวเอง

"นี่คุณ ดูสิ ดูแผนกนี้สิ เดี๋ยวนี้รู้สึกผลงานจะตกต่ำนะ ดูท่าไม่ค่อยขยันกันเลยนะ แผ่วลง แผ่วลง ทุกที แผนกนั้นก็เหมือนกัน ใช้จ่ายกันฟุ่มเฟือย งบประมาณบานเบอะ ไม่ประหยัดเอาซะเลย แผนกโน้นก็ใช่ ทำงานกันสบายเหลือเกิน ดูซิ เลิกงานกันตรงเวลาเชียว ไม่มีหรอกที่จะอยู่เย็น อยู่ช่วยองค์กร สู้แผนกเราก็ไม่ได้ งานล้นมือ ทำงานหนักกันตลอด เหนื่อยกันทุกคน ปวดหัวกันทุกวัน"

คนอื่นแย่หมด ตัวเองดีอยู่คนเดียว

เฮ้อ หมดกัน โอกาสที่จะพัฒนาตนเอง

จริงๆ แล้วประโยชน์สูงสุดจะเกิดขึ้นกับการส่องกระจก หากทั้งผู้ส่องกระจกเปิดใจรับภาพสะท้อน และกระจกที่ใช้เป็นกระจกคุณภาพดี เพราะคุณภาพของภาพที่สะท้อนขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระจก กระจกที่ขุ่นมัวก็อาจจะสะท้อนภาพที่พร่ามัว บิดเบือนจากความจริง หากเป็นกระจกใส ก็จะสะท้อนภาพที่ชัดเจน ตรงกับความเป็นจริง

คนบางคนโชคร้าย เจอแต่กระจกคุณภาพต่ำ สะท้อนแต่ภาพที่บิดเบือนความเป็นจริง

ยกตัวอย่างเช่น คนใหญ่คนโตที่อยู่ท่ามกลางลิ่วล้อที่คอยประจบประแจง เสนอสนองความปรารถนาเจ้านายอย่างเต็มที่ ประเคนภาพสะท้อนที่สวยงาม แต่บิดเบือนความจริง หวังเพียงให้เจ้านายพอใจ อย่างนี้ต้องเรียกว่าโชคไม่อำนวยได้พบเจอแต่กระจกคุณภาพต่ำ

หากเจ้านายคนนั้นรู้ไม่เท่าทัน ก็จะหลงอยู่ในภาพสวยงามที่ไม่เป็นจริงนั้นไปตลอด น่าสงสารที่เขาต้องขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง จะมีใครสักกี่คนที่จะกล้าสะท้อนภาพของความเป็นจริงให้คนใหญ่คนโตคนนั้นได้รับทราบ

เอ หรืออาจเป็นไปได้ที่คนใหญ่คนโตคนนั้นจะจงใจเลือกใช้เฉพาะกระจกที่สะท้อนภาพได้ถูกใจ และใช้เป็นประจำ กลายเป็นกระจกคนสนิทไป คราใดต้องการเห็นภาพสะท้อนก็เรียกหา เพราะไม่เคยทำให้ผิดหวัง ได้เห็นภาพสะท้อนทีไรเป็นได้ ถูกอกถูกใจ

และหากกระจกใดสะท้อนภาพที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ตนปรารถนาจะเห็น ก็ไม่ชอบใจ พาลโกรธกระจกนั้น และอาจลงโทษกระจกในฐานที่ไม่ตอบสนองความปรารถนาของตน

สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้อีกประการก็คือ เป็นไปได้ที่คนบางคนอาจเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการส่องกระจก เพราะเจอแต่กระจกคุณภาพต่ำ ที่สะท้อนแต่ภาพบิดเบือน เป็นกระจกประเภทหวังดีแต่ประสงค์ร้าย คือสะท้อนแต่ภาพที่ดูดีแต่ถูกบิดเบือน ไม่สะท้อนภาพความเป็นจริง เพราะอาจจะเจตนาไม่ต้องการให้คนคนนั้นมีโอกาสได้รับการพัฒนา

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องรู้จักเลือกใช้กระจกที่มีคุณภาพ และเลือกที่จะพิจารณารับรู้ภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นจากกระจกแต่ละบานตามความเหมาะสม เพราะอย่างน้อยก็เป็นภาพสะท้อนของตัวเรา ที่ทำให้เราเห็นตัวเราจากมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย

คนที่สำรวจภาพของตนเองจากกระจกหลายๆ บานเป็นประจำ มีโอกาสในการได้เห็นภาพสะท้อนจากหลายๆ มุมมองที่เอื้อต่อการค้นพบข้อบกพร่องที่จะนำไปสู่การพัฒนาแก้ไข ในทางตรงกันข้าม คนที่ไม่มีโอกาสเห็นภาพของตนจากกระจก จะพลาดโอกาสในการค้นพบข้อบกพร่องของตนเอง นำไปสู่การขาดการแก้ไขปรับปรุง กลายเป็นคนด้อยพัฒนาไปในที่สุด

คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจะใช้ภาพสะท้อนที่ได้รับมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาตนเอง เพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างมีข้อบกพร่องกันทั้งนั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหากแต่จะมามัวปฏิเสธความจริง และหลงอยู่ในภาพลวงตา ต้องเปิดใจรับภาพสะท้อน ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ได้รับรู้มาเพื่อการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์

คนอย่างนี้น่าชื่นชม น่าเอาเป็นตัวอย่าง ถึงแม้จะมีความสามารถ มีความรอบรู้ แต่ก็ไม่เคยหลงตัวเอง ไม่เคยละทิ้งการเรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วยความถ่อมตนเสมอ

"พี่ๆ น้องว่า พี่น่าจะลองเปิดใจรับฟังความคิดเห็นคนอื่นบ้างนะ พี่เป็นคนชอบปฏิเสธอยู่เรื่อยเลย ไม่ยอมรับความจริงซะที"

"ไม่เชื่อ ไม่จริง ไม่มีทาง"

กระจกวิเศษ บอกเขาทีเถิด ใครกันหนอ ด้อยพัฒนาในปฐพี

ไม่มีความคิดเห็น: